ภาพ-ข่าว : จันทร์เพ็ญ พิมมะศร สระบุรี
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ร่วมพิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง" กรมราชทัณฑ์ เรือนจำชั่วคราวปากเพรียว สังกัดเรือนจำจังหวัดสระบุรี โดยมีนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้ "โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง" กรมราชทัณฑ์ เรือนจำจังหวัดสระบุรี อ.เมืองสระบุรี
กรมราชทัณฑ์ ได้มีนโยบายการถวายงานเพื่อขับเคลื่อนโครงการพระราชทาน และนโยบายในการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อส่งต่อผู้ก้าวพลาดให้สามารถกลับคืนสู่สังคมโดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำและเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง โดยการพัฒนาในด้านการฝึกวิชาชีพ เพื่อให้มีความรู้และทักษะรวมถึงเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษ
ทั้งนี้ เรือนจำชั่วคราวปากเพรียว สังกัดเรือนจำจังหวัดสระบุรี ได้ขับเคลื่อนโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ โดยยึดหลักกสิกรรมธรรมชาติและทฤษฎีแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง มีองค์ประกอบครบถ้วนตามหลักการ "โคก หนอง นา โมเดล" เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องขัง เป็นแนวทางประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ศูนย์การเรียนรู้ใครงการพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ำใจ และความหวัง กรมราชทัณฑ์" เรือนจำชั่วคราวปากเพรียว สังกัดเรือนจำจังหวัดสระบุรี ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี คณะผู้บริหาร ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน สถานประกอบการของจังหวัดสระบุรี ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่แสดงถึงพลังอาสาพัฒนาจังหวัดอย่างเข้มแข็ง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการพระราชทาน แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และให้โอกาสผู้ก้าวพลาดได้มีโอกาสในการกลับตนเป็นคนดี พร้อมที่จะพัฒนาตนเอง บทบาทสำคัญของจากจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้นั้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับ ผู้ต้องราชทัณฑ์ในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย
และเผยแพร่ความรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผ่านการทำการเกษตรในรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ให้แก่ประชาชนทั่วไปและภาคเครือข่ายใช้เป็นพื้นที่แห่งการให้โอกาส การเรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นการประชาสัมพันธ์ กระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยและภารกิจของกรมราชทัณฑ์ให้ประชาชนรับทราบ ตลอดจนเกิดการแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาและองค์ความรู้ ให้แก่ผู้อื่น ให้สามารถคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น