ภาพ-ข่าว : จันทร์เพ็ญ พิมมะศร สระบุรี
"เจ้าของที่นั้นไม่คิดถึงความเดือดร้อนหรือเหตุการณ์ล่วงหน้าเลย" นายสุฑฒิชัยกล่าวพร้อมชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมีถนนที่มีปัญหาลักษณะเดียวกันในโฉนดถึง 5 เส้น ซึ่งถนนสายที่ถูกฟ้องร้องนี้เป็นเส้นทางลัดที่ชาวบ้าน ม.3 ใช้เดินทางไปวัดบ้านหมอ และมีประชาชนกว่า 600-700 คนได้รับความเดือดร้อน หากไม่ใช้เส้นทางนี้ ระยะทางจะเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโลเมตร และถนนหน้าเทศบาลฯ ก็มีสภาพแคบและเป็นวันเวย์ ชาวบ้านให้กำลังใจ ชี้เป็นถนนสายหลักคู่หมู่บ้าน
ต่อมาเวลา 11.00 น. นายสุฑฒิชัย วงษ์ไพร หรือนายกฯตุ้ย ได้เกินออกมาจากอาคารศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ออกมาด้านนอกเพื่อขอบคุณชาวบ้านบ้านหมอ ที่พากันมาให้กำลังใจถึงบริเวณหน้าศาลตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเมื่อชาวบ้านเห็นนายกฯตุ้ย ต่างพากันให้กำลังใจ ด้วยการกล่าวคำว่า นายกฯตุ้ย สู้สู้ ซึ่งถึงกับทำให้นายกฯถึงกับน้ำตาซึม และกล่าวขอบคุณกับชาวบ้านอีกครั้ง
ขณะที่นางสาวสมพร สุดสวาท อายุ 57 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.บ้านหมอ หนึ่งในชาวบ้านที่มาให้กำลังใจอดีตนายกฯตุ้ย เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาเพื่อให้กำลังใจอดีตนายกฯ ที่ถูกฟ้องร้องจากการรื้อถอนแท่งแบริเออร์และลูกรัง ซึ่งเจ้าของที่ดินอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของตนเอง"ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายหลักที่ชาวบ้านประมาณ 200 ครัวเรือนใช้สัญจรมานานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ รวมถึงเส้นทางไปโรงเรียน" นางสาวสมพรกล่าว และย้ำว่าการที่เจ้าของที่ดินฟ้องร้องอดีตนายกฯ นั้นไม่ถูกต้อง เพราะถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางสัญจรสาธารณะมานานแล้ว และการปิดกั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของชาวบ้านอย่างมาก นอกจากนี้ นางสาวสมพรยังตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าของที่ดินเดิมไม่เคยมีปัญหา แต่เมื่อมีการเปลี่ยนมือเจ้าของ ก็มีการปิดกั้นทันที และตอนนี้ถนนก็กลับมาเปิดแล้ว เนื่องจากนายกคนปัจจุบันเป็นพี่น้องกันกับเจ้าของที่ดิน หากเป็นอดีตนายกตุ้ยก็คงจะถูกปิดกั้นอยู่เหมือนเดิม
อดีตนายกฯ ชี้สองมาตรฐาน ฝากถึงผู้ว่าฯ-ผู้การตำรวจ นายสุฑฒิชัย วงษ์ไพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมองว่าการฟ้องร้องตนเพียงคนเดียว ทั้งที่ปัจจุบันทั้งตำรวจ ข้าราชการ และนักเรียนก็ยังคงใช้เส้นทางนี้อยู่ รวมถึงนายกคนปัจจุบันซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดินด้วยนั้น เป็นการกระทำสองมาตรฐานและเป็นเกมการเมืองที่ไม่ดี เพราะปัจจุบันถนนเส้นนี้ยังคงเปิดให้ชาวบ้านใช้สัญจรได้ตามปกติ อดีตนายกฯ ยังได้ฝากถึงผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ให้เข้ามาดูแลและดำเนินการเรื่องการแบ่งแยกถนนสาธารณะในเขตเทศบาลบ้านหมอให้ชัดเจน
เพราะหากมีใครมาดำรงตำแหน่งนายกนอกจากคนปัจจุบัน ก็จะต้องโดนข้อหาบุกรุกเช่นเดียวกับตน หากช่วยเหลือชาวบ้านและไม่เอื้อประโยชน์ให้เจ้าของที่ดิน นอกจากนี้ ยังได้ฝากถึงผู้การตำรวจว่า ก่อนหน้านี้ ผู้กำกับคนเก่าได้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และเจตนาที่เราทำ จึงใช้ดุลยพินิจ ได้มีการสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าวมาแล้ว หากแต่ผู้กำกับคนปัจจุบัน กลับสั่งฟ้องในคดีเดียวกันและเหตุการณ์เดียวกันกับก่อนหน้านี้ จึงอยากฝากถึงผู้การตำรวจ"ถ้าท่านมีลูกน้องเป็นผู้กำกับเป็นคนแบบนี้ ผมว่าท่านน่าจะพิจารณาตัวเองด้วยนะครับ"
พร้อมแสดงความน้อยใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยวิงวอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรง เข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง และยังฝากถึง ส.ส. และอดีต ส.ว. ซึ่งเป็นญาติพี่น้องของเจ้าของที่ดินว่า "ประชาชนเดือดร้อนแต่พวกท่านไม่เคยทำอะไรเพื่อประชาชนเลยนะครับ"
สำหรับหลักทรัพย์ประกันตัวในวันนี้ ทั้ง 4 ท่าน ประกอบด้วย นายสุฑฒิชัย วงษ์ไพร, รองนายกเทศมนตรี 2 คน และหัวหน้าป้องกันอีก 1 คน รวมทั้งหมด 800,000 บาท (คนละ 200,000 บาท) โดยทั้ง 4 คนถูกแจ้งข้อหาเดียวกันทั้งหมด เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินส่วนบุคคลกับสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ของสาธารณะชน ท้ายที่สุดแล้ว "ความยุติธรรม" จะถูกพิจารณาจากมุมมองใด และใครจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้มากที่สุด คงต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น