ภาพ/ข่าว : จันทร์เพ็ญ พิมมะศร สระบุรี
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ที่วัดโคกกะพี้ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ชาวบ้านจากหมู่ 1 ตำบลหัวปลวก และหมู่ 6 ตำบลงิ้วงาม ได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนและแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการที่รถบรรทุกดินวิ่งผ่านพื้นที่ชุมชนของพวกเขา โดยมีปลัดอำเภอเสาไห้เป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย
นางสาวกันยาพร แช่มชุรี ตัวแทนชาวบ้านโคกกระพี้ หมู่ 1 ตำบลหัวปลวก เล่าว่า "พวกเราเดือดร้อนมากจากรถขนดินที่วิ่งผ่านหมู่บ้านมานานกว่าปีครึ่งถึงสองปีแล้ว โดยมีปัญหาเรื่องฝุ่นเข้าบ้าน ผู้ป่วยติดเตียงก็แย่ ดินก็หล่นบนถนนทำให้ถนนลื่นเกิดอุบัติเหตุ อย่างรถเก๋งเบรกลื่นชนรั้วบ้านเสียหายก็มีมาแล้ว ทั้งเสียงดังและรถวิ่งเร็วก็กระทบชีวิตชาวบ้าน แถมน้ำประปาก็ไหลไม่ค่อยแรงหรือไม่ไหลเลย และถึงจะมีคนมากวาดถนนแต่ก็กองเศษดินแดงไว้ข้างถนนหน้าบ้านทุกหลัง ทำให้ล้อรถสกปรกเวลาฝนตก" เธอยืนยันว่า ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านรวมใจกันแสดงจุดยืนว่า "ไม่ต้องการให้รถดินวิ่งผ่านหมู่บ้าน" และบอกว่า "พวกเราไม่รับฟังคำแก้ตัวหรือเปิดโอกาสให้แล้ว คือไม่เอาเลยค่ะ" แม้ผู้ประกอบการจะบอกว่าจะทำให้ดีขึ้น ชาวบ้านกว่าร้อยคนในหมู่ 1 และชาวบ้านหมู่ 6 ที่ได้รับผลกระทบก็ยังยืนยันคำเดิมว่า "ไม่เอา"
นางสาวกันยาพร ยังเล่าต่อว่า แต่ก่อนผู้ประกอบการขออนุญาตขุดบ่อเลี้ยงปลา แต่ผ่านไปปีกว่า บ่อปลายังไม่เริ่มเลย กลับกลายเป็นขุดหน้าดินขายแทน ที่ผ่านมาเคยมีการประชุมกับผู้รับเหมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ยอม หลังจากนั้น นายกเทศมนตรีตำบลหัวปลวก นายกสวัสดิ์ ปกรณ์สรี ก็เรียกปลัดมาดูพื้นที่และสั่งปิดบ่อดินไปแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านคิดว่าเรื่องจบแล้ว แต่ล่าสุดเทศบาลมีหนังสือแจ้งให้มาคุยกันใหม่ ซึ่งชาวบ้านไม่อยากมา เพราะรู้สึกว่าปัญหาเก่ายังไม่แก้และไม่อยากออกมาคุยเรื่องเดิมซ้ำๆ เธอยังตั้งข้อสังเกตว่าตอนแรกไม่มีการคุยกับชาวบ้านก่อนรถจะเริ่มวิ่ง และไม่มีผู้นำคนไหนออกมาช่วยชาวบ้านเลยตอนที่เดือดร้อน แม้จะมีการสั่งปิดบ่อและห้ามวิ่งขนดินไปแล้ว แต่ก็ยังพบเห็นรถขนดินวิ่งเฉพาะวันอาทิตย์ เช่นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 และมีการลาดยางถนนเฉพาะถนนที่เข้าบ่อดินเท่านั้น
สรุปว่าที่ประชุมระหว่างผู้ประกอบการขุดดินกับชาวบ้านตกลงกันไม่ได้ เทศบาลหัวปลวกจึงไม่ต่อใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการขุดบ่อดินและห้ามนำรถบรรทุกดินวิ่งผ่านชุมชน ถ้าตกลงกับชาวบ้านไม่ได้
ด้าน นายนที ยศบรรดาศักดิ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลหัวปลวก ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ชาวบ้านมารวมตัวกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องรถขนดินที่วิ่งผ่านชุมชนที่ก่อให้เกิดเสียงดัง ฝุ่น และมลพิษ ซึ่งอาจส่งผลให้เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้ป่วยติดเตียง เจ็บป่วย เช่น เป็นโรคความดันหรือไขมัน เพราะสูดควันและกลิ่นดินเข้าไป นายนทีบอกว่า ผู้ประกอบการเคยมาแก้ปัญหาแล้วรอบสองรอบ แต่ก็ยังแก้ไม่ถูกจุด และในการประชุมวันนี้ชาวบ้านก็ยังไม่ยอมตกลง อย่างไรก็ตาม นายนทีชี้แจงว่า ถ้าผู้ประกอบการกับชาวบ้านตกลงกันได้ เทศบาลก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ย้ำว่า ขุดดินทำได้ แต่ไม่ให้วิ่งผ่านชุมชนนั้น เทศบาลไม่น่าจะมีปัญหา
ขณะที่ นายพิษณุ เทียนปัญจะ ทนายความผู้ประกอบการ ชี้แจงว่า ปัญหาที่ผ่านมาทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนและมีการร้องเรียนจริง ตอนนี้ใบอนุญาตหมดอายุ เลยมาขอต่อ และชาวบ้านก็มีเงื่อนไขว่าต้องมีการคุยกันก่อน นายพิษณุยอมรับว่าบ่อดินอยู่ที่หมู่ 3 แต่เส้นทางขนดินต้องผ่านถนนหมู่ 1 ซึ่งจะออกถนนสายท่าลาน เขายืนยันว่าในการประชุมวันนี้ ชาวบ้านก็ยังไม่ยอมให้รถขนดินผ่านถนนหมู่บ้าน
นายพิษณุ กล่าวถึง แนวทางที่ผู้ประกอบการพร้อมจะแก้ไขคือ มีเอกสารรับรองเรื่องเสียงรถ และจะนำรถมาทุกสามชั่วโมงเพื่อขนดินที่ตกหล่นหรือขูดดินและล้างถนนให้ชาวบ้าน แนวทางเหล่านี้ได้เสนอไปในการประชุมแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าชาวบ้านยังคงไม่ยกมือให้ (ไม่เห็นด้วย) ทนายความผู้ประกอบการบอกว่า การขอใบอนุญาตขุดดินของเจ้าของที่ดินถูกต้อง แต่เรื่องการขนย้ายดินมีปัญหาในการคุยกัน ผู้ประกอบการยังหวังว่าจะมีการคุยกันอีกครั้งหลังได้ใบอนุญาต โดยจะทำข้อตกลง (MOU) กับเทศบาล และจะชี้แจงข้อตกลงนี้ในการประชุมรอบหน้า นายพิษณุย้ำว่า ถ้าผู้ประกอบการผิดข้อตกลงใน MOU แม้แต่ข้อเดียว เทศบาลจะสั่งหยุดงานทันที และผู้ประกอบการยินดีพิจารณาหาทางออกอื่น หากทำได้ก็ไม่ดื้อรั้น เขายังมีความหวังว่าจะได้รับการอนุญาตก่อน
ทั้งนี้ ชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนยื่นต่อรองนายกฯเทศมนตรีตำบลหัวปลวก เพื่อให้พิจารณากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบอกว่าจะไปพึ่งศูนย์ดำรงธรรมหากผู้นำหมู่บ้านไม่สามารถช่วยได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น